Last updated: 1 เม.ย 2566 | 442 จำนวนผู้เข้าชม |
สิ่งที่คุณแม่มือใหม่ ทำผิดพลาดมากที่สุด ตอนเลือกซื้อประกันสุขภาพลูก ?!?
อย่าหาว่านูสอน “ใช้ประกัน” Episode 11
คุณแม่มือใหม่ ที่กำลังมองหาประกันสุขภาพให้ลูก อย่าเพิ่งซื้อ #ประกันสุขภาพลูก เด็ดขาด! ถ้ายังไม่ได้ฟังคลิปนี้
ปัญหาระดับชาติ ของ #ประกันสุขภาพเด็ก โดยเฉพาะ #ประกันสุขภาพเด็กแรกเกิด ถึงเด็ก 5 ขวบ
นูมีแม่ๆ ที่ยังไม่เคยเป็นลูกค้านู ที่เจอนูในออนไลน์ ติดต่อเข้ามาหานูเยอะมาก ขอให้นูช่วยแก้ปัญหาให้
ประกันที่แม่ๆซื้อให้ลูกไว้ หลายๆเคส ตอนใช้จริง เคลมจริง ตอนลูกป่วยแอดมิทเข้าโรงพยาบาลขึ้นมาจริงๆ กลับใช้ยาก มีเงื่อนไขเยอะ ใช้ไม่ได้จริง
หลายๆเคส มีส่วนต่างค่ารักษาพยาบาลหลายหมื่น และก็มีอีกหลายเคส ที่มีส่วนต่างค่ารักษาพยาบาลเป็นแสน ลุ้นตัวโก่งทุกครั้งตอนเคลมประกัน
หลายๆเคส แม่ๆติดต่อนูเข้ามา ขอให้นูช่วย เพราะประกันสุขภาพที่ทำไว้ พอถึงเวลาจะจ่ายเบี้ยปีต่อ โดนเพิ่มเบี้ยมากกว่าเท่าตัว บางเคสโดนเพิ่มเบี้ย 3 เท่า
อย่างเช่น เคสคุณแม่ในออนไลน์คนล่าสุดที่ติดต่อนูเข้ามา
โดนเพิ่มเบี้ยจาก 25,000
เพิ่มเบี้ยเป็น 63,000
บางเคส โดนเพิ่มเบี้ยไม่พอ โดนลดค่าห้อง เป็นเด้งที่ 2 ด้วย
เคสล่าสุดลดค่าห้อง 5,000 เหลือ 3,500
หลายๆเคสหนักเข้าไปอีก โดน COPAY 20/80 เป็นเด้งที่ 3
และก็มีหลายเคสที่เจอทั้ง 3 เด้งในคุณแม่คนเดียวกัน ทั้งโดนเพิ่มเบี้ย ทั้งโดนลดค่าห้อง และทั้งโดน Copay
และยังมีอีกหลายๆเคส ที่คุณแม่ติดต่อมาหานูตอนที่ลูกอยู่ในห้อง ICU แล้ว
เชื่อมั๊ยค่ะทุกเคส ทุกปัญหา เกิดจากต้นเหตุเดียวกันหมดเลย
ต้นเหตุของปัญหาทั้งหมด เกิดจากคุณแม่มือใหม่ โฟกัสให้ความสำคัญแต่
"ค่าห้อง" "ค่าห้อง" และก็ "ค่าห้อง"
แต่คุณแม่มือใหม่ ไม่ให้ความสำคัญกับ วงเงินค่ารักษาพยาบาล เลยยยยย....
คุณแม่ส่วนใหญ่คิดว่า
"ส่วนต่างค่าห้อง สำคัญกว่า ส่วนต่างค่ารักษา ...?!?"
นูสัมผัสได้เลยว่า คุณแม่ๆมือใหม่กลัวแต่ส่วนเกินค่าห้อง
แต่จริงๆแล้ว ค่ารักษาพยาบาลต่างหาก
ที่มันน่ากลัวมาก เหนือจินตนาการมาก
เราไม่มีทางรู้ว่า
"ลูกเราจะป่วยเป็นอะไร ..?!?"
"ต้องใช้ยาอะไร ..?!?"
"วิธีการรักษาแบบไหน ..?!?"
"ใช้หมอผู้เชี่ยวชาญกี่หมอ ..?!?"
"แล้วลูกเราต้องนอนกี่วัน ..?!?"
แต่สิ่งที่เราวางแผนได้ ก็คือ "ค่าห้อง"
สิ่งแรกที่คุณแม่จะเจอตอนที่พาลูกไปแอดมิดโรงพยาบาล คือ ฝ่าย Admission จะเดินเข้ามาถามเราว่า
เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลฝ่าย Admission : “คุณแม่จะเลือกค่าห้องแบบไหนดีค่ะ ค่าห้อง 2000 ค่าห้อง 3000 หรือค่าห้อง 4000 ดีค่ะ ?!?”
อย่างน้อยเราก็วางแผนได้ รู้ล่วงหน้าได้ ว่าส่วนเกินในแต่ละวันเนี่ยมันเป็นเท่าไหร่กันแน่
ค่าห้องเราเลือกได้ค่ะ และเราเลือกโรงพยาบาลก่อนได้ ในวันที่เราจะพาลูกไปแอดมิดอยู่แล้ว
แต่สิ่งที่เราวางแผนไม่ได้เลย รู้ล่วงหน้าไม่ได้เลย คือ "ค่ารักษาพยาบาล"
เพราะเราวางแผนเลือก
"โรคที่ลูกเราจะเป็น" ...ไม่ได้
เราวางแผนเลือก
"ระดับความรุนแรงความอันตรายที่ลูกเราจะเจอ" ...ไม่ได้
นูจะเอาเคสจริงๆให้ดูค่ะ ว่าใช้งานจริง ไปแอดมิทโรงพยาบาลจริงๆมันเป็นยังไง เพราะนูมีลูกค้าออนไลน์อยู่ทั่วประเทศค่ะ คุณแม่มือใหม่ที่ได้ดูคลิปนี้ ถือว่าคุณแม่โชคดีมากๆ
เพราะคุณแม่จะได้เห็นของจริง บิลค่ารักษาพยาบาลที่เกิดขึ้นจริง เคสจริงๆ ณ ปัจจุบัน
เพราะแม่ๆที่ขอให้นูช่วยแก้ปัญหาให้ ยอมรับสารภาพ เป็นเสียงเดียวกันหมดเลยค่ะว่า
คุณแม่ A: “ก็นึกว่าวงเงินค่ารักษาพยาบาลครั้งละ 25,000 มันก็น่าจะพอนะ”
คุณแม่ B: “เด็กตัวเล็กนิดเดียว ค่ารักษาคงไม่แพงหรอก 42,000 พี่ว่าเอาอยู่แน่นอน”
คือ มโนกันเอาเอง คิดกันเอง โดยไม่เคยมีประสบการณ์พาลูกแอดมิทโรงพยาบาลกันจริงๆมาก่อน
นูอยากจะบอกกับแม่ๆทุกคนนะคะ ถ้าคุณแม่ยังไม่เคยมีประสบการณ์ลูกติดเชื้อไวรัส RSV มาก่อน อยู่โรงพยาบาลกัน 7 วัน 7 คืน ไม่ได้หลับไม่ได้นอนกันทั้งแม่ทั้งลูก
ซึ่ง RSV เป็นโรคอันตรายร้ายแรงสำหรับลูก เด็กอาจถึงตายได้ เพราะถ้าเชื้อลงปอด เสมหะอาจไปอุดกั้นขั้วปอดจนระบบทางเดินหายใจล้มเหลวได้
เด็กที่ป่วยด้วยโรค RSV จึงต้องได้รับการพ่นยา และได้รับการเคาะปอดทุกๆ 4 ชั่วโมง จากพยาบาลวิชาชีพชำนาญการพิเศษ ด้านการพยาบาลผู้ป่วยโรคปอดอุดกั้นเฉียบพลันและเรื้อรัง ไม่ใช่พยาบาลทั่วไปนะคะที่จะทำได้
มาดูบิลค่ารักษาพยาบาลกันจริงๆค่ะ
RSV เคสนี้ น้องนอนไป 11 วัน 10 คืน
ค่ารักษาพยาบาลทั้งหมด 162,871 บาท
คุณแม่ลองคิดตามนูดูนะคะว่า ถ้าเกิดเหตุการณ์นี้มันเกิดขึ้นกับลูกคุณแม่ขึ้นมาจริงๆ ลูกคุณแม่เกิดติดเชื้อไวรัส RSV ขึ้นมาจริงๆ และคุณแม่ก็รีบพาลูกไปแอทมิทให้อยู่ในการดูแลของหมอในทันที
แอดมิทไปครบ 11 วัน 10 คืน คุณแม่ถือกรมธรรม์ที่มีค่าห้องสูง แต่ข้อเสียคือ จำกัดวงเงินค่ารักษาพยาบาลต่ำมาก หลักหมื่น
ยกตัวอย่างนะคะ แค่ครั้งละ 42,000 บาท (คุณแม่มือใหม่หลายคนถือกรมธรรม์ วงเงินค่ารักษา 25,000 บาท/ครั้งบ้าง 35,000 บาท/ครั้งบ้าง 50,000 บาท/ครั้งบ้าง)
คุณแม่ลองบวกเลขดูนะคะว่า แอทมิทครั้งนี้ คุณแม่จะต้องจ่ายส่วนต่างค่ารักษาพยาบาลครั้งนี้กี่หมื่น ?!?
บิลค่ารักษาพยาบาลของจริง อีกเคสนึงค่ะ
RSV เคสนี้ น้องนอนไป 12 วัน 11 คืน
ค่ารักษาพยาบาลทั้งหมด 160,152 บาท
คุณแม่อย่าลืมบวกเลขกันดูนะคะ ว่าแอทมิทครั้งนี้จะต้องจ่ายส่วนต่างค่ารักษาพยาบาลกี่บาท ?!?
อย่างลูกนูเอง แพทรียาเป็น RSV 2 รอบ แมทธา 1 รอบ
ตลอด 5-6 ปีที่ผ่านมา นูพาลูกๆแอดมิทกันกระหน่ำ แอดมิทกันเดือนชนเดือนบ้าง บางเดือนแพทรียา แมทธา แท็คทีม แอดมิทพร้อมกัน
ปีๆนึง AIA จ่ายค่ารักษาตรงไปที่โรงพยาบาลแทนนู ปีๆนึง หลายแสนบาท
ถ้าไม่มีประกัน นูตายแน่ๆเลยค่ะ !!!
แถม AIA ยังโอนเงินค่าชดเชยนอนโรงพยาบาล ค่าชดเชยรายได้ ค่าทำขวัญ โอนเข้าบัญชีนูเป็นแสน แฮ็ปปี้มาก
แพทรียาแอดมิทเข้าโรงพยาบาลครั้งแรก ตอนอายุ 10 เดือน แจ็คพ็อตแตกเลยค่ะ ติดเชื้อไวรัส RSV ตอนนั้นแพทรียายังไม่ได้เข้าโรงเรียนด้วยซ้ำ
แอดมิทครั้งแรกก็โรคอันตรายยอดฮิตเลย อันตรายถึงตายได้ นูเห็นข่าว เด็กเสียชีวิตด้วยโรค RSV ในเฟซในทีวีเยอะมากๆ ตอนรู้ว่าลูกเป็นเนี่ย อยู่ไม่ได้เลยเครียดมาก
คุณหมอบอกนูว่า มันติดกันไม่ยากหรอก ผู้ใหญ่ในบ้าน ไปตลาด ไปห้าง ญาติมาเยี่ยมหลาน คุณพ่อคุณแม่ออกไปทำงาน แล้วนำเชื้อติดมือ ติดตัว ติดเสื้อผ้า มาติดให้ลูก แค่นี้ลูกก็ติดเชื้อ RSV ได้แล้ว
แพทรียา แอทมิท RSV ครั้งแรก นอนไป 7 วัน 6 คืน ค่ารักษา 6 หมื่นกว่าบาท นี่ค่ารักษาเมื่อ 5 ปีที่แล้วนะคะ (พ.ศ.2561)
อีกเรื่องสำคัญที่สุดอีกเรื่องที่คุณแม่มือใหม่ไม่รู้ คือ
พอลูกติดเชื้อ RSV หรือโรคร้ายแรงของเด็กแล้ว คุณแม่มักคิดไปเองว่า ไว้เกิดเหตุขึ้นมา ค่อยคิดมาเปลี่ยนบริษัทกันอีกที หรือเป็นแล้วค่อยเปลี่ยนมาซื้อแผนเหมาจ่ายให้ลูกก็ได้
เป็นความไม่รู้ เป็นความเชื่อที่ผิดอย่างแรงเลยค่ะ เพราะเมื่อลูกเราเป็น RSV ขึ้นมาจริงๆ แล้วถ้าเกิดลูกเราอาการหนักขึ้นมา เกิดเชื้อลงปอดขึ้นมาจริงๆ ต้องแอดมิทเป็นสิบๆวัน
นูบอกเลยค่ะว่า "ยากมาก" ที่บริษัทประกันบริษัทไหน จะรับประกันลูกเรา
หรืออาจจะรับแบบมีเงื่อนไข เช่นไม่คุ้มครองโรค RSV และระบบทางเดินหายใจและภาวะสืบเนื่อง หรือไม่คุ้มครองโรคที่เป็นมาก่อนการทำประกัน หรืออาจเพิ่มเบี้ยได้
และส่วนใหญ่ฝ่ายพิจารณาของบริษัท ก็จะปฏิเสธไม่รับประกัน และให้รอไปก่อน อีก 6 เดือน อีก 1 ปี อีก 2 ปี ค่อยยื่นเรื่องเข้ามาขอประกันใหม่
และช่วงที่รอ 6 เดือน ปีนึง ลูกเราก็ดันห้ามป่วยด้วยนะ...เอ่อ!!! แล้วมันห้ามได้มั๊ยหล่ะ ?!? ห้ามอะไรก็ห้ามได้ ห้ามไม่ให้ลูกป่วย...เนี่ย เป็นไปได้ยากมาก
สุดท้าย กรมธรรม์เดิมที่โดนเพิ่มเบี้ยหลายเท่า หลายหมื่น โดนลดค่าห้อง โดนโคเพย์ แต่ได้ ความคุ้มครองต่ำหลักหมื่นเท่าเดิม
คุณแม่ๆก็ต้องน้ำตาตกใน ทนรับสภาพไป แถมไม่พอ พอลูกป่วยก็ใจตุ้มๆต่อมๆ ลุ้นค่าใช้จ่ายส่วนต่าง ไม่รู้จักจบจักสิ้น
ประกันสุขภาพเด็ก ส่วนใหญ่จัดออกเป็น 2 ประเภท
1) ค่าห้องสูง แต่จำกัดวงเงินค่ารักษา หลักหมื่น
2) ค่าห้องไม่สูง แต่วงเงินค่ารักษาเหมาจ่าย เหมาจ่ายหลักหลายแสน หลักล้าน
นูแนะนำจากใจเลยนะคะ... ให้คุณแม่ให้ความสำคัญกับ วงเงินค่ารักษาพยาบาลเป็นหลัก ไม่ใช่เลือกค่าห้องเป็นหลัก
แผนที่เลือกควรเป็นแผนเหมาจ่าย คุณแม่ควรหลีกเลี่ยงแผน แบบจำกัดวงเงินค่ารักษา
ถึงแม้แผนเหมาจ่ายอาจจะมีส่วนต่างค่าห้องบ้าง แต่ส่วนต่างค่าห้องเราควบคุมได้ ถึงมีก็ หลักร้อย หลักพัน
แต่ส่วนต่างค่ารักษาพยาบาล มันโหดมาก มันเป็นไปได้ถึง หลักหมื่น หลักแสน บางเคสเป็นไปได้ถึงหลักล้าน เราจะจ่ายไม่ไหวเอานะคะ
ค่าเบี้ยประกันของแผนทั้ง 2 แบบ ถ้าเอาบิลค่ารักษาพยาบาลมาดูกันจริงๆ ถือว่าต่างกันน้อยมาก แค่หลักหมื่นบาทเท่านั้นเอง
แลกกับความสงบทางใจตอนพาลูกไปแอดมิทพยาบาลก็คุ้มแล้ว นูพูดจากประสบการณ์ตรงที่พาลูกๆแอทมิทมาตลอด 6 ปีค่ะ
ชีวิตลูกเราเสี่ยงไม่ได้ค่ะ !!!
ระหว่างวงเงินค่ารักษา 5หมื่น กับ วงเงินค่ารักษา 5ล้าน คุณแม่คิดว่าวงเงินไหนลูกเราจะปลอดภัยมากกว่ากัน ทั้งๆที่เบี้ยประกันของแผนทั้ง 2 แบบ ต่างกันแค่หลักหมื่น สองหมื่น ต่อปี ซึ่งก็ต่างกันแค่ หลักพัน สองพัน ต่อเดือน
ซื้อประกันสุขภาพลูก ให้ใช้งานได้ตั้งแต่แรก ดีกว่ามานั่งปวดหัวตามแก้ปัญหาทีหลังนะคะ
ตอนซื้อ พิจารณาให้ดีนะคะ นูเตือนแล้วนะ
ด้วยความปรารถนาดี
จากนูค่ะ
บทความ : อย่าหาว่านูสอน "ใช้ประกัน" EP.11
ตอน : สิ่งที่คุณแม่มือใหม่ ทำผิดพลาดมากที่สุด ตอนเลือกซื้อประกันสุขภาพลูก คืออะไร?
บทความจากใจและจากประสบการณ์ตรงในการเป็นลูกค้ามืออาชีพของนูเองค่ะ :
นูเอาชีวิตเป็นประกัน
13 ก.พ. 2566
31 มี.ค. 2566